โดยผู้จัดการทัพช้างศึก กล่าวว่า “เป็นความตั้งใจของแป้ง อยู่แล้ว ที่จะมาอยู่เป็นกำลังใจให้น้อง ๆ ทุกเกม เพราะอย่างที่เคยบอกกำลังใจเป็นสิ่งสำคัญเสมอ เช่นเดียวกับครั้งนี้ ที่แป้งจะมาอยู่กับน้อง ๆ ไปจนจบทัวร์นาเมนต์ ซึ่งหวังว่าจะทำให้ทุกคนมีพลังกาย พลังใจ ในการสู้มากขึ้น”ทำให้ผ่านไป 37 นัดเท่ากัน มิลานเก็บเพิ่มเป็น 83 คะแนน ยังนำจ่าฝูงและมีโอกาสคว้าแชมป์สูง ส่วนอตาลันตามี 59 คะแนน ยึดอันดับ 8 ยังพอมีหวังแย่งโควต้ายูฟ่า ยูโรปา ลีกขณะที่ “ชาวเกาะ”กายารี แพ้คารังต่อ “งูใหญ่”อินเตอร์ มิลาน 1-3 เจ้าบ้านได้ประตูจาก ลีโกจานนิส ชาราลัมปอส นาที 53 ส่วนทีมเยือนได้จาก มัตเตโอ ดาร์เมียน นาที 25, เลาตาโร มาร์ติเนซ นาที 51 และ 84
ขณะที่เหรียญทองแดงเป็นของ นาโอมิ กาโดเซ จากฟิลิปปินส์ เวลา 3.44.772 นาที ด้าน “ไอซ์” น.ส.ศิรภัสสร ชาติกำเหนิด นักปั่นไทยอีกคนไม่จบการแข่งขัน
โดยทีมถือโอกาสนี้ตัดสินใจส่งตัวเข้ารับการผ่าตัดรักษาอาการ “อาร์มปั๊ม” ที่แขนซ้าย ซึ่งหลังการตรวจร่างกาย ปรากฏแพทย์ลงความเห็นว่าต้องพักอีก 1 สนาม“ผมเศร้ามากที่ยังไม่สามารถกลับมาลงแข่งขันได้ เพราะเข้ารับการผ่าตัดและอยู่ระหว่างฟื้นตัว แน่นอนว่าผมคิดถึงรถแข่งของผมมาก ตอนนี้เป้าหมายคือฟื้นตัวให้เร็วที่สุด และกลับมาสู่สนามให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นได้”ส่วน ดร.ภูมิวรินทร์ ชุณหะวงษ์วริศ ที่ปรึกษาประธานวุฒิสภา และประธานสหพันธ์กีฬาเพาะกายเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เผยว่า จากความสำเร็จของนักกีฬาเพาะกายไทยที่ทำได้ 3 ทองตามเป้าหมาย เฉพาะการแข่งขันประเภทเพาะกาย ต้องถือว่าทำผลงานได้ดีมากๆ รวมทั้งชาติอื่นๆ ในอาเซียน ได้เห็นพัฒนาการของชาติอื่นๆ เช่น นักกีฬาจากลาวสามารถคว้าเหรียญทองแดง เราประมาทไม่ได้ทั้ง เจ้าภาพ เวียดนาม และพม่า ผมคิดว่าซีเกมส์ ที่กัมพูชา และที่ไทย เราน่าจะมีเพาะกายแข่งขัน ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นนักกีฬาเพาะกายในอาเซียนน่าจะมีพัฒนาการที่ดีขึ้นมากกว่าเดิมในอนาคตข้างหน้า”“ทางสหพันธ์ฯ ต้องการให้กีฬาเพาะกายพัฒนาไปสู่การจัดการแข่งขันในระดับมาตรฐานสากล ผู้ตัดสินมาจากชาติเป็นกลาง การตัดสิน มีความยุติธรรม มีการตรวจสารกระตุ้นก่อนแข่งและหลังแข่ง เรียกว่าการแข่งขันคลีนมากๆ ทางสหพันธ์อยากให้มีกีฬาเพาะกายบรรจุแข่งในเอเชียนเกมส์ ส่วนซีเกมส์ครั้งต่อไป ที่กัมพูชา และที่ไทย น่าจะมีเพาะกายบรรจุ ไทยเราน่าจะได้เจ้าทองเพาะกายซีเกมส์”
สำหรับโปรแกรมการแข่งขันในนัดต่อไปของฟุตซอลชายทีมชาติไทยจะพบกับ อินโดนีเซีย ที่ ฮานัม ยิมเนเซียม ในวันที่ 18 พฤษภาคม 2565 เวลา 13.00 น.นาที 88 พาตริก กุสตาฟส์สัน ยิงประตูที่ 2 ของตัวเองให้ไทย ถล่มกัมพูชา 5-0 เก็บเพิ่มเป็น 6 คะแนนจาก 3 นัด โดยผลแข่งขันนัดนี้ให้ “เสือเหลือง”มาเลเซีย ผ่านเข้ารอบรอบชนะเลิศเป็นทีมแรกของกลุ่มจากการมี 7 คะแนนจาก 3 นัด ส่วนไทยนัดสุดท้ายจะพบกับลาว วันที่ 16 พ.ค. หากไทยชนะมีโอกาสแซงเป็นแชมป์กลุ่ม แต่หากแค่เสมอจะผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศเช่นเดียวกัน