โดยก่อนลงสนาม ทีมชาติไทย มี 7 คะแนน จากการ ชนะ มาเลเซีย 6-2 ชนะ เมียนมา 2-1 และเสมอ อินโดนีเซีย 1-1 รั้งอันดับ 3 ส่วนเวียดนาม มี 7 คะแนน เท่ากันจากการเสมอ อินโดนีเซีย 1-1 ชนะ เมียนมา 4-0 และชนะมาเลเซีย 7-1 รั้งอันดับ 2 ของตาราง ซึ่งทีมชาติไทย ต้องเอาชนะเท่านั้นจึงจะแซงขึ้นไปป้องกันแชมป์ ส่วนเวียดนาม ขอเพียงแค่เสมอก็เพียงพอต่อการคว้าแชมป์ได้สำเร็จ เนื่องจากประตูได้เสียดีกว่า ไทยข่าวแนะนำรุ่นไม่เกิน 58 กก. ชาย “ฮามัน” ธนกฤต ยอดรักษ์ จอมเตะหนุ่มดาวรุ่งวัย 19 ปี ลงแข่งขันรอบก่อนรองชนะเลิศ เอาชนะ ฟู่ เซิน พุทไท จากมาเลเซีย 35-15 ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศเข้าไปพบ ฟาม ดัง ควง ของเจ้าภาพเวียดนาม ผลปรากฏว่า จอมเตะหนุ่มไทยชนะขาด 14-2 ทะยานเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศไปพบ ซัม ยูเด๊ะ จากกัมพูชา และเป็น ธนกฤต ไล่เตะชนะขาดลอย 34-5 คว้าเหรียญทองแรกให้กับทัพจอมเตะไทยได้สำเร็จข่าวแนะนำ
ดาวยิงมากประสบการณ์เผยว่า “หลังจาก 13 ปีแห่งความภาคภูมิใจที่ได้รับใช้ชาติ ผมขอประกาศยุติบทบาทเส้นทางทีมชาติไว้เพียงเท่านั้น ผมอยากขอบคุณชาวกาบองและทุกคนที่สนับสนุนผมอย่างดีแม้จะอยู่ในช่วงเวลาเลวร้าย ผมอยากขอบคุณผู้ฝึกสอน, ทีมงาน และนักเตะเพื่อนร่วมทีมทุกคนด้วย”
นภิศ ต่อตั้งพานิช และ ทองผาภูมิ วงศ์สุขดี สองนักแม่นปืนหนุ่มไทย ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศการแข่งขันยิงปืนประเภทปืนยาว 3 ท่า บุคคลชายรัชนก อินทนนท์ ไม่พลาดต้อนชนะ แอชมิตา ชาลิฮา จากอินเดีย 2 เกมรวด ลิ่วเข้ารอบสอง ขณะที่ “บาส-ปอป้อ” คู่ผสมมือ 1 โลก ฟอร์มฝืดแต่ยังลิ่วไทยแลนด์โอเพ่น
“คนไทยทั้งประเทศต่างชื่นชมในความสำเร็จของทุกๆ กีฬา แม้ว่าจะเป็นสิ่งที่ยากกว่าจะได้เหรียญรางวัล แต่ด้วยความตั้งใจของนักกีฬา ผู้ฝึกสอน ผู้จัดการ และสมาคมกีฬา ที่ได้ร่วมแรงร่วมใจทำงานกันอย่างหนัก จึงมีผลงานที่ดีออกมาให้คนไทยทั้งประเทศได้ชื่นชมและยินดี”เริ่มที่รุ่นไม่เกิน 53 กก. หญิง “เหมี่ยว” จุฬานันท์ ขันติกุลานนต์ ดีกรีเหรียญทองซีเกมส์ 2 สมัยเมื่อปี 2017 ที่มาเลเซีย และปี 2019 ที่ฟิลิปปินส์ ลงสนามรอบก่อนรองชนะเลิศ พบกับ ตรัน ถิ อันห์ ตุย จอมเตะสาวเจ้าภาพเวียดนาม ซึ่งได้เสียงเชียร์ปลุกใจเตะเอาชนะสาวไทยไปได้ 12-9 ส่งผลให้ จุฬานันท์ ตกรอบ 8 คนสุดท้ายได้อย่างน่าเสียดาย